พ่อและแม่ของ ด.ญ. แป้ง (นามสมมุติ) อายุ 14 ปีได้ พาลูกสาวมาส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคกลาง เมื่อต้นปี2556 ด้วยการเจ็บท้องคลอด
เมื่อมาถึงห้องคลอดแพทย์ ได้ทำการตรวจแล้วพบว่าเป็นการเจ็บท้องคลอดก่อนกำ หนด จึงได้ช่วยเหลือด้วยยาระงับการคลอดก่อนกำหนด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด ระหว่างการดูแลได้ส่งพ่อแม่มาพบนักสังคมสงเคราะห์ที่ศูนย์พึ่งได้ (Oscc)เพื่อปรึกษาเนื่องจากเห็นว่าพ่อแม่มีสภาวะเครียดมากกับการตั้งครรภ์ของบุตรสาวในครั้งนี้ จากการพูดคุยทำให้ทราบว่าทั้งสองมีอาชีพรับราชการในระดับบริหาร มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ครอบครัวอยู่ด้วยกันสามคน เพิ่งทราบว่าบุตรสาวตั้งครรภ์ โดยเริ่มสังเกตความผิดปกติที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น ง่วงนอนบ่อยเหนื่อยง่าย จึงพยายามสอบถามบุตรสาวหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้คำตอบใดๆ จนเห็นความผิดปกติมากขึ้น เมื่อสรีระเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมชัดเจน จึงสอบถามเค้นจากลูก จนลูกยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับเด็กผู้ชายข้างบ้านอายุ14 ปีที่ไม่ได้เรียนหนังสือ และฐานะยากจน มีเพียงครั้งเดียวแล้วไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก โดยแป้งบอกกับพ่อแม่ว่าตั้งครรภ์ ประมาณ 3 เดือนกว่า พ่อแม่จึงพยายามช่วยเหลือโดยการไปหาซื้อยาขับมาให้ใช้ จนทำให้แป้งเกิดอาการเจ็บท้องมากขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจพาลูกมาโรงพยาบาลในที่สุด การระงับการคลอดก็ล้มเหลวเพราะการกินยาขับเข้าไปมาก ทำให้ปากมดลูกเปิดมากขึ้นเรื่อยๆ แพทย์จึงต้องปล่อยให้คลอดก่อนกำหนด โดยแป้งได้คลอดทารกเพศชายออกมามีน้ำหนักประมาณ 1,000 กรัม และทารกต้องส่งเข้ารับการรักษาต่อที่ แผนกวิกฤติทารกแรกเกิด ผลของอายุครรภ์จริงขณะคลอด คือ 7 เดือน เมื่อพ่อแม่ทราบก็ตกใจเพราะคิดว่าลูกตั้งครรภ์3เดือนกว่าตามที่บอก การที่ไปซื้อยาขับมาให้กินเพราะไม่ทราบว่าอายุครรภ์มากแล้วจนทำ ให้เกิดอาการเจ็บท้องและมาถึงการคลอดก่อนกำหนดในครั้งนี้
จากการพูดคุย ทั้งพ่อแม่และแป้งไม่ต้องการรับเด็กไว้เลี้ยงดูต้องการส่งเข้าสถานสงเคราะห์เพราะรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่ได้วางแผนรับปัญหามาก่อน ญาติรองรับการเลี้ยงดูเด็กไม่มีอีกทั้งไม่ต้องการให้ใครรับรู้เรื่องนี้
กรณีนี้เจอปัญหาที่ยุ่งยากหลายอย่างคือ แป้งยังเรียนหนังสือในระดับชั้น ม.2 ยังอยู่ในระหว่างการเรียน การหยุดมาคลอดใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 4-5 วัน ซึ่งต้องใช้ใบรับรองแพทย์ไปแจ้งกับทางโรงเรียนกรณีขอลาหยุดเรียน ทำให้พ่อแม่เกิดความกังวลเพราะไม่ต้องการให้ครูทราบปัญหาที่เกิดขึ้น และขอให้แพทย์ช่วย โดยการออกใบรับรองแพทย์แต่ขอให้ระบุเป็นโรคอื่นๆ ไม่ใช่การคลอดบุตร ซึ่งทางโรงพยาบาลไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เพราะเป็นการให้ข้อมูลเท็จและไม่มีแพทย์คนใดยอมเขียนใบรับรองแพทย์ตามนั้น นักสังคมฯ จึงพยายามพูดคุยทำความเข้าใจให้ครอบครัวเผชิญกับความจริง
ในที่สุดพ่อและแม่ของแป้งก็ยอมรับ ส่วนการส่งเด็กเข้าสถานสงเคราะห์ ศูนย์พึ่งได้ได้ดำเนินการ ทำเรื่องให้แต่ไม่สามารถส่งเด็กเข้าได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเด็กทารกที่เกิดมายังต้องรักษาตัวในแผนกวิกฤติทารกแรกเกิดอีกหลาย สัปดาห์โดยอยู่ในตู้อบควบคุมอุณหภูมิร่างกายระหว่างการรักษา พยาบาลต้องมีญาติเฝ้าเด็กเพราะพยาบาลไม่สามารถดูแลเด็กเพียงคนเดียวแบบตัวต่อตัวได้(การส่งเด็กเข้าสถานสงเคราะห์ เด็กอ่อน เด็กต้องอยู่ในสภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้วทางสถานสงเคราะห์จึงสามารถรับได้)
การพยายามแก้ปัญหาท้องในกรณีของครอบครัวแป้ง โดยขาดความรู้ที่ถูกต้องนั้น ทำให้พ่อแม่เอาชีวิตของแป้งไปเสี่ยง แม้ว่า โชคดีที่แป้งไม่เป็นอะไร แต่ก็ได้เพิ่มความยุ่งยากหลายขั้นตอน ส่งผลให้การช่วยเหลือต่อไปล่าช้า จนพ่อของแป้งเครียดจัด นอนไม่หลับหลายวันติดต่อกัน ต้องส่งพบจิตแพทย์เพื่อให้ยาคลายความเครียด และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
การแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมกรณีที่อายุครรภ์เกินกว่า จะยุติได้นั้นควรต้องมีความรู้ความเข้าใจ ไม่เอาชีวิตตนเองหรือคนที่เรารักไปเสี่ยงเช่นนี้ กรณีของแป้งก็ไม่ยุติธรรมกับชีวิตทารกน้อยที่ต้องลืมตาดูโลกภายใต้น้ำหนักตัวที่น้อยมากและอาจมีความผิดปกติต่อไปในอนาคต แต่หากแป้งยอมรับและบอกพ่อแม่ตามตรง พ่อกับแม่มีสติและใช้ความรู้ในการแก้ไขปัญหา ก็จะมีแนวทางที่เหมาะสม เพราะอายุครรภ์ของแป้งมากเกินกว่าที่จะทำแท้ง(ยุติการตั้งครรภ์)
ดังนั้นหากแป้งได้รับการดูแลด้วยความรักความใส่ใจ จนกระทั่งคลอดอีกเพียงไม่ถึง 3 เดือน ทารกก็คลอดออกมา ปลอดภัยและสุขภาพดี และแม้ว่าจะไม่เป็นที่ปรารถนาของครอบครัว แต่ทารกน้อยก็มีสุขภาพที่แข็งแรงและมีผู้ประสงค์ที่จะรับไปเลี้ยงดูอุปการะด้วยความรัก เพื่อใช้ชีวิตในโลกใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์ และมีความสุขได้…