ปัจจัยป้องกันที่สำคัญต่อจิตใจ
แม้เป้าหมายในการทำงานด้านจิตบำบัด คือการเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดปัญหา และสิ่งที่ทำให้ปัญหาด้านจิตใจยังดำเนินต่อ เพื่อวิเคราะห์ วางแผนร่วมกับผู้รับบริการ เพื่อมีมุมมองใหม่ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ไปพร้อมๆ กับเพิ่มทักษะที่จะช่วยให้จิตใจได้รับการดูแล แต่ข้อมูลสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยในการบำบัดรักษาด้านจิตใจ คือ ปัจจัยป้องกัน หรือปัจจัยด้านบวก เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้รับบริการผ่านเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาได้ด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ความเจ็บป่วยที่กำลังดำเนินอยู่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นด้วยปัจจัยเหล่านี้
หากแบ่งประเภทของปัจจัยออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อความชัดเจน สามารถแบ่งได้ด้วยหลากหลายหลักการ แต่หลักการหนึ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายคือการมองความสัมพันธ์ของปัจจัย 3 ประการ Biological (สมองและร่างกาย) Psychological (ส่วนลึกในใจและทักษะในการจัดการปัญหา) Social (สังคมและสิ่งแวดล้อม)
ถ้าคนตรงหน้าคือผู้ป่วย นักบำบัดจะมองหาสิ่งที่เป็นปัจจัยบวกจากทั้งสามมิติ
Biological ด้านสมองและร่างกาย เช่น ผู้ป่วยมีระดับสติปัญญาปกติ ทานยาที่แพทย์เฉพาะทางสั่งตามเวลา ออกกำลังกาย และควบคุมอาหาร
Psychological ด้านส่วนลึกในใจและทักษะในการจัดการปัญหา เช่น ผู้ป่วยมีแรงจูงใจที่ดีในการรักษา มีทักษะในการรู้เท่าทันอารมณ์ และทักษะในการเข้าใจผู้อื่น
Social ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น ครอบครัวสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษา ชุมชนแสดงความเข้าใจ ที่ทำงานไม่กีดกันสิทธิ์ในการทำงาน แม้ผู้ป่วยต้องใช้วันลามากกว่าปกติในการเข้ารับการบำบัด
หากแต่ ในการให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านบวก ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในห้องบำบัดเท่านั้น เพราะปัจจัยด้านบวกเป็นปัจจัยปกป้องความเจ็บป่วยด้านจิตใจให้เกิดน้อยลง หรือให้เกิดขึ้นในระดับที่สามารถให้การช่วยเหลือได้ และสามารถมีมุมมองต่อปัจจัยป้องกันได้หลากหลายมุมมอง ตามช่วงเวลาของการพัฒนามนุษย์คนนึงจากวัยเด็กสู่วัยรุ่นจากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้
ปัจจัยเกี่ยวกับตัวเด็ก
- มีสุขภาพกายและพัฒนาการตามวัย
- เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายหมายรวมทั้งการกิน การนอน และกิจวัตร
- มีทักษะสังคมและอารมณ์ที่ดี
- มีความสามารถทางสติปัญญาตามวัย
- มีความสามารถด้านภาษาตามวัย
ปัจจัยจากครอบครัว
- ครอบครัวมั่นคงในหลายมิติ ตั้งแต่จิตใจ อารมณ์ หรือกระทั่งสถานะการเงิน
- มีความผูกพันผ่านการสัมผัสทางร่างกาย และเวลาคุณภาพ
- ใช้การสื่อสารสองทางในครอบครัว
- มีการตัดสินใจอย่างเป็นประชาธิปไตย
- ส่งเสริมทักษะในการบริหารจัดการและการดูแลตัวเองตามวัย
- มีท่าทีอบอุ่น ปลอดภัย เป็นมิตร ทั้งในยามปกติ และยามที่เด็กประสบปัญหาอารมณ์
ปัจจัยจากระบบต่างๆ
- สามารถเข้าถึงการศึกษาที่สอดคล้องกับทักษะของระบบสังคมและเศรษฐกิจ
- ได้รับสิทธิ์ในการรักษากายและใจด้วยความรู้สึกดี
- ผู้คนที่อยู่ในระบบเห็นอกเห็นใจและเห็นความสำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งในระบบ
- มีเครือข่ายที่จะส่งต่อเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ปัจจัยจากเหตุการณ์ในชีวิต
- อบอุ่น มีความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมาพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย
- มีผู้ดูแล และมีส่วนได้ดูแลซึ่งกันและกันกับบุคคลสำคัญในชีวิต
ปัจจัยจากสังคม
- ปลอดภัย ได้รับสวัสดิการตามที่ควรจะเป็น
- มีสิทธิ์ และเป็นส่วนหนึ่งอย่างเท่าเทียมทางสังคม
- มีความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ
ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีปัจจัยจำนวนมากทั้งจากจุดในสุดคือตัวเด็กเอง ไปจนกระทั่งสังคมโดยภาพรวมที่ส่งผลต่อสภาวะจิตใจ แต่ไม่ได้หมายความว่า หากขาดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งไปจะทำให้เกิดปัญหาด้านจิตใจ อาทิ มีคนหลายคนที่ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์ทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมแต่มีครอบครัวอบอุ่น ฝึกทักษะอาชีพตามความจำเป็นของชุมชน ทั้งยังเปิดใจรับฟังเมื่อทุกข์ใจทำให้คนเหล่านั้นอาจไม่ทุกข์ใจจากการไม่สามารถเข้าถึงปัจจัยด้านการศึกษาได้ หากแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถส่งเสริมปัจจัยด้านบวกให้ได้ทั่วถึงและเท่าเทียม ย่อมส่งผลดีในการป้องกันปัญหาด้านจิตใจไปพร้อมๆ กับการได้พัฒนาผู้คนในสังคม
นรพันธ์ ทองเชื่อม : นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต เลิฟแคร์สเตชั่น