“หมอคะ หนูจะคลอดยังไงดีคะ” คนท้องหน้าตาสวยคนนั้นเธอถามผม
ผมไม่ตอบในทันที แต่ยิ้มให้ที่มุมปากแบบกวนตีนเล็กน้อยตามประสาหมอธนพันธ์ นามสกุลกวนส้น
“หนูหมายถึงว่า จะให้คลอดเองหรือผ่าท้องคลอดดีกว่ากันคะ” เธอยังคงถามต่อไปเมื่อเห็นผมนั่งจ้องหน้ากวนๆใส่มาอย่างนั้น
“แล้วเธอว่าไงล่ะ” ผมย้อน
“หนูอยากผ่าคลอด หนูกลัวเจ็บ” แล้วเธอก็เฉลยออกมา
……………………
และท้ายที่สุด เมื่ออุปสงค์และอุปทานตรงกัน หมอสูติและผู้ป่วยก็กำหนดวันผ่าท้องคลอดร่วมกัน เรียกว่า เสร็จสิ้นการสมรู้ร่วมคิดอย่างลงตัว
นั่นยังไม่ได้รวมถึงคำแนะนำจากคนที่ “คุณก็มองไม่เห็น” อีกหลายคน เช่น ผู้กำหนดฤกษ์ หมอดู พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายทวดเทียดเทือกเขาเหล่ากออากงอาม่า มากันหมด
“นี่เธอ ฝั่งชั้นจะให้คลอดวันจันทร์ แต่ทางฝั่งสามีจะให้คลอดวันพุธ จะทำยังไงดีวะ” เมื่อคนไข้สาวสวยผู้เป็นเพื่อนมาฝากท้อง และเราต้องกำหนดวันผ่าตัดคลอด เพราะลูกมันดันนอนเอาตูดลงมาเป็นส่วนนำ (ทางการแพทย์เรียกว่า ท่าก้น) ปรึกษาผมเพราะมีความขัดแย้งเรื่อง “ฤกษ์” เกิดขึ้น
“ไอ้บ้า ถามมาทุกคน แต่ไม่ถามฉันเลย เธอก็รู้ว่าคิวห้องผ่าตัดของฉันคือวันพฤหัส” ผมด่ามันไป เพื่อให้กระเทือนไปยังสามีผู้มานั่งคุมเชิงอยู่ข้างๆ
และความขัดแย้งยังเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ ทั้งต่อหน้าและทางโทรศัพท์ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมไม่อยู่ต้องไปราขการต่างประเทศ จึงฝากให้อาจารย์พี่เปิ้ลได้ตรวจท้องแทน และความจริงก็คือความจริง เมื่อพี่เปิ้ลได้ลูบท้อง ความสมานฉันท์จึงได้บังเกิด เพราะหลังจากจากพี่เปิ้ลเสกมนต์ใส่ท้องไปไม่ถึงชั่วโมง อีคนสวยก็น้ำเดิน และถูกผ่าท้องคลอดฉุกเฉินในวันศุกร์นั้นเลย
ขำ
กลับมาที่ผมบอกว่ามันคือการสมรู้ร่วมคิด เพราะความสะดวกมันเกิดขึ้นกับทั้ง ๒ ฝ่าย
ฝ่ายหมอที่รับผ่าท้องคลอดก็สบายไป ไม่ต้องมานั่งเฝ้ารอว่าคนไข้จะคลอดตอนกี่โมง กำหนดเวลาทำงานตัวเองได้ ไม่ต้องตื่นมาทำคลอดตอนตี ๓ และได้เงินเร็วดี
ฝ่ายคนไข้ก็สะดวก เพราะไม่ต้องมาเจ็บปวดจากการบีบตัวของมดลูก เขาว่ากันว่า ความเจ็บปวดจากการคลอดลูกนี่มันหนักหนาสาหัสยิ่งนัก ผมไม่เคยรู้หรอกครับว่ามันสาหัสแค่ไหน เกิดมาก็ไม่เคยมีมดลูกกับเขาสักที จะมีก็แต่รูตูด ซึ่งการเบ่งขี้กับเบ่งคลอดลูก มันไม่น่าจะเทียบความเจ็บปวดกันได้เลย หึหึ
แต่คนเสียประโยชน์ในเรื่องนี้ก็มีนะครับ
คนแรกคือ”ลูก” ผมเชื่อเสมอนะครับ ว่าสวรรค์ควรเป็นผู้กำหนดเวลาเกิดของเด็ก สวรรค์ในที่นี้ก็คือการสื่อสารระหว่างแม่และลูกผ่านสารเคมีหลายชนิด และมันจะกำหนดการเจ็บครรภ์ของแม่เองเมื่อลูกพร้อม ดังนั้น การไปเอาเค้าออกมาก่อน อาจจะเกิดอันตรายกับลูกได้โดยไม่รู้ตัว
(นี่ผมยังไม่กล้าคิดไปถึงเมื่อคราวที่หมอดูมันสั่งว่าให้คลอดก่อนกำหนด และมีพ่อแม่และหมอที่บ้าจี้ทำตามสั่งนั้นด้วย)
คนที่เสียประโยชน์อีกคนคือ “หมอดมยา” ที่ต้องมาช่วยบล็อกหลังหรือดมยาสลบโดยไม่จำเป็น แต่ผมก็เชื่อว่า หากเป็นที่โรงพยาบาลเอกชน เขาอาจจะชอบก็ได้ วินวินกันทุกฝ่าย (อย่าเชื่อผมนะ) เว้นแต่ฤกษ์ออกคือ “ตี ๓” บ้าเอ๊ย..
คนที่เสียประโยชน์อีกคนคือ “หมอเด็ก” เพราะเขาต้องมาดูแลเด็กต่อจากหมอสูติครับ หากไม่มีปัญหาจากการคลอดก็คงไม่เป็นไร แต่หากมีขึ้นมาล่ะ มันคงจะดูไม่จืดเลยนะครับ
คนเสียประโยชน์อีกคนคือ “คนท้องเอง”
เอ๊ะ..ยังไง ไหนว่าได้ประโยชน์ทั้งคู่ไง ไหนจะไม่ต้องปวดท้องคลอด ได้ฤกษ์ตามใจ
จริงครับ ไม่ปวดท้องคลอด แต่ปวดแผลผ่าท้องคลอดต่ออีกเป็นวัน กว่าจะฟื้นตัวก็อีกหลายวัน ต่างจากคนท้องที่คลอดเอง เจ็บตอนมดลูกบีบตัว เจ็บตอนเบ่ง แต่เมื่อคลอดเสร็จก็สามารถลุกขึ้นมาเลี้ยงลูกได้เลย นี่ยังไม่นับรวมความเสี่ยงจากการดมยาสลบ การบล็อกหลัง จากการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด
“แหม..ยุคสมัยนี้แล้ว ความเสี่ยงพวกนี้น้อยลงเยอะแล้วนะ” หมอสูติเพื่อนผมแย้งมา
“ก็ถูก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมา ก็ดูไม่จืดเลยนะมึง” ผมแย้งออกไป ขอโทษทีนะครับ กับเพื่อน ขอมึงๆกูๆบ้างเถอะ
และท้ายที่สุด ผู้ที่เสียผลประโยชน์ร่วมกัน ก็คือหมอสูติกับคนไข้นั่นเอง
ผมกำลังพูดถึงอะไร?
ผมจะเล่าให้ฟัง
ตอนนี้ปัญหาของพวกผมก็คือ คนท้องจำนวนมาก มีปัญหา “รกเกาะต่ำ”
ลองนึกตามผมดูนะครับ
คนปกติ เค้าเบ่งคลอด หัวเด็กก็จะมุดออกมาจากปากมดลูก ผ่านช่องคลอด ดื่มกินน้ำในช่องคลอดแม่สักเล็กน้อยเพื่อเป็นแบคทีเรียตั้งต้นของชีวิตในสำไส้เด็กต่อไป และโผล่ออกมาเจอโลกภายนอก
แต่ในคนที่มีรกเกาะต่ำ ตัวรกจะมาขวางอยู่ที่ปากมดลูก เด็กก็จะไม่มีรูให้มุดออกมา อีกทั้งเมื่อปากมดลูกเริ่มเปิดอ้า มันก็จะทำให้รกฉีกขาดเลือดออกอีกล้นหลาม ดังนั้นคนท้องที่มีรกเกาะต่ำ ก็จะต้องถูกผ่าท้องคลอดอย่างเดียว
“พี่แป๊ะ ผมมีคนท้องคนนึง รกเกาะต่ำ เค้าดูฤกษ์มา อยากให้ผ่าตอนตี ๒ พี่จะให้ผมทำไงดี” รุ่นน้องกระซิบมา
“มึงบอกไป ให้คนดูฤกษ์ผ่าให้ก็แล้วกัน” ผมแดกดันพลันหัวเราะใส่
ที่ต้องแดกดันไปนั้น เพราะเรารู้กันว่า รกเกาะต่ำมันทำให้เสียเลือดได้รุนแรง คนไข้บางรายจะต้องถูกตัดมดลูกในทันทีที่คลอดเด็กออก เป็นดั่งนี้แล้ว คนไข้แบบนี้ควรจะต้องถูกผ่ากลางวัน ช่วงเวลาที่มีคนทำงานมากมาย มาช่วยเหลือกันได้ทันเวลา
และเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่เกาะต่ำแบบธรรมดา คนไข้ส่วนหนึ่งจะมีรกกินเลยเข้ามาในเนื้อมดลูก บางรายรกมันกินทะลุออกมาเลย แล้วกินเข้าหลอดเลือดใหญ่ เข้ากระเพาะปัสสาวะไปนู่น
“การผ่าท้องคลอดในท้องก่อน ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อรกเกาะต่ำเพิ่มขึ้นจริงๆ และยังมีความเสี่ยงที่รกกินทะลุมดลูกได้ด้วย” ดังที่ผมจะเล่าต่อไปนี้
สัปดาห์ที่แล้ว เรามีคนท้องที่มีรกเกาะต่ำนอนอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรอผ่าตัด เราเรียกภาวะนี้ว่า “ระเบิดเวลา” เพราะเค้าจะมีโอกาสเลือดออกเมื่อไหร่ก็ได้ เราไม่อยากผ่าตัดเคสแบบนี้ตอนกลางคืน
ระเบิดลูกนี้ใหญ่หน่อย เพราะจากการอัลตราซาวนด์ในช่วงกลางวันนั้น เราคาดว่ามีโอกาสที่เนื้อรกกินทะลุออกมานอกมดลูกอยู่ชิดกับกระเพาะปัสสาวะสูงมาก
“น้องแป๊ะ bridging ชัดมากเลย” อาจารย์พี่จินเล่าให้ฟังเมื่อตอนที่เราเจอกันช่วงบ่าย มันคือเส้นเลือดจากรกที่วิ่งเข้าไปหากระเพาะปัสสาวะ เหมือนสะพาน จึงเรียกมันว่า bridging นี่คือตัวที่บอกว่า รกกินลึกแน่นอน
และคืนเดียวกันนั้นผมอยู่เวร
“จารย์ขา ระเบิดเวลาทำงานแล้วค่ะ” เสียงปลายสายรายงานให้ผมรับทราบ เมื่อเธอคนนั้นมีเลือดออกในเวลาหกโมงครึ่งเป๊ะ
“หนูรายงานอาจารย์อิง อาจารย์พี่อาร์ทเรียบร้อยแล้วนะคะ” ที่ทำงานของผม เมื่อมีเคสที่เป็นแบบนี้ก็จะมีทีมห้ามเลือดเก่งๆมาช่วยเสมอครับ
“โอเค เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ผมจะไปเลย” คำว่าพร้อมของพวกเราก็คือ เลือด ๘ ถุง น้ำเหลือง เกร็ดเลือด และไอซียู
เมื่อผมมาถึงห้องผ่าตัด ทุกคนก็พร้อมแล้ว
“ขอเวลาผมนิดหนึ่งนะครับ ผมขอคุยกับคนไข้เดี๋ยวเดียว” ผมหยุดทีมเพียงครู่หนึ่ง
“สวัสดี หมอชื่อธนพันธ์นะ เธอคงทราบแล้วว่าเราจะทำอะไรบ้าง หมอเพียงแต่อยากให้เธอวางใจ ทีมของเราเก่งมาก เดี๋ยวเมื่อลูกเธอคลอดออกมา เราก็จะตัดมดลูกเธอเลยนะ” เธอมองผมแล้วพยักหน้าช้าๆ
“สามีเธอรออยู่ข้างหน้าห้องผ่าตัดนะ เค้าจะเห็นลูกก่อนเธอ และผมจะให้เค้ารออยู่ตรงนั้นจนเราผ่าตัดเสร็จ” เธอยังคงพยักหน้ารับทราบ
“มีอะไรจะถามไหม” เธอมองหน้าผมแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“งั้นเราเริ่มกันเลยนะครับ” ผมบอกทีมดังๆ
อันที่จริง ผมก็ไม่ได้เข้าไปผ่าตัดเองหรอกนะครับ เพราะอาจารย์อาร์ทกับอาจารย์อิงเป็นเบอร์หนึ่งและสองให้เรียบร้อยแล้ว เขาคือทีมห้ามเลือดที่ดีที่สุดของเรา หน้าที่ผมคือการเป็นผู้อำนวยการนอกเคส คอยสื่อสารและประสานงานต่างๆ ให้แทน
“เริ่ม” มีดถูกส่งมาให้กรีดผนังหน้าท้อง
ผ่านชั้นไขมัน ขั้นผังผืด ผ้าซับเลือดถูกส่งเข้ามา ๒ ผืนเพื่อวางข้างๆมดลูก
“ลงมีดที่มดลูกนะครับ” อาจารย์อาร์ทบอกทีมดมยา และเมื่อลงมีดลึกระดับหนึ่ง ถุงน้ำคร่ำก็ปลิ้นออกมาให้เห็น เราจะล้วงเอาขาเด็กออกมาก่อน
“เด็กออกนะครับ” ผมสื่อสารเสียงดังฟังชัด หมอเด็กรับตัวเด็กไปดูแลต่อ
“ถึงตอนนี้เลือดที่ออกยังคุมได้นะครับ” ผมบอกอาจารย์แพร หมอดมยาหัวเตียงให้รับทราบ ในขณะที่ทีมเราเริ่มเย็บมดลูกเพื่อห้ามเลือดและเตรียมตัดมดลูกออก และเมื่อถึงระยะนี้ทางหัวเตียงก็เริ่มให้เลือด
“คนไข้ซีดอยู่ก่อนแล้วค่ะอาจารย์ ตอนนี้น่าจะขาดเลือดพอปริ่มๆ หนูให้เลือดไปเลย” ทางหัวเตียงส่งสัญญาณมา
การผ่าตัดดำเนินไป ผมสังเกตเห็นว่าเลือดถุงแล้วถุงเล่าถูกนำมาให้คนไข้แบบเร่งด่วน เสียงสัญญาณชีพจากเครื่องมอนิเตอร์ดังชนิดที่แอบเหลือบมองก็พบว่า หัวใจคนไข้เต้นเร็วราว ๑๕๐ ครั้งต่อนาที ความดันตัวบนอยู่ราวเลข ๘๐
“เธอกำลังช็อก” ผมรู้ได้
“เราต้องตัดเส้นเลือด ๔ เส้น และตอนนี้มันก็ถูกตัดไปจนหมดแล้ว ทำไมดูเหมือนคนไข้ยังช็อกอยู่วะ” ผมพึมพัม
“มันออกในมดลูกครับอาจารย์ เส้นเลือดที่มาจากกระเพาะปัสสาวะมันยังคงทำงานอยู่ เส้นโตๆทั้งนั้นครับ” หมอเบอร์หนึ่งคงได้ยินเสียงผมเปรยออกมา
เลือดถุงที่ ๑๐ ถูกนำมาให้ น้ำเหลืองและเกร็ดเลือดก็ถูกเร่งให้ ยาที่มีฤทธิ์หดเส้นเลือดเพื่อเพิ่มความดันถูกนำมาให้ ทีมหมอดมยาเริ่มปาดเหงื่อและเฝ้ารอเวลาที่มดลูกจะถูกตัดขาดจากเส้นเลือดทั้งปวง นั่นคงหมายถึงเส้นเลือดที่ถูกเชื่อมมาจากกระเพาะปัสสาวะ
เวลาเพียงชั่วอึดใจ แต่พวกเรารู้สึกได้ว่า แม้เพียงนาทีก็มีค่าต่อชีวิต “เลือดมันยังออกอยู่”
คีมหนีบ เข็มเย็บ ไหมเส้นแล้วเส้นเล่าถูกส่งเข้ามา ก็อซ ผ้าซับเลือด ถูกส่งเข้ามาซับ เครื่องดูดเลือดก็ยังคงทำงาน หมอก็เริ่มเหงื่อซึม เลือดที่ถูกดูดออกมาวัดปริมาณได้ราวหนึ่งหมื่นหนึ่งพันซีซี รวมกับที่ถูกซับด้วยก็อซและผ้าซับเลือดก็บวกเพิ่มเข้าไปอีกราวพันซีซี
และแล้ว เราก็ได้ยินเสียงสวรรค์ “เรียบร้อยครับ มดลูกถูกตัดออกมาแล้ว” อาจารย์อิงส่งมดลูกออกมา และจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ผมก็ได้ยินเสียงหัวใจของคนไข้เต้นช้าลงมาจนเกือบปกติ
เราเริ่มหายใจสบายขึ้น เหงื่อของหมอผ่าตัดถูกซับโดยพยาบาลรอบนอก
ผ้าก๊อซและผ้าซับเลือดเริ่มถูกนับจำนวน
กระบวนการห้ามเลือดยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ทีมของอาจารย์แพร หมอดมยานั้นเก่งมาก เรารู้สึกว่าเลือดยังคงแข็งตัวได้อย่างดี นั่นเพราะเขาดูแลคนไข้อย่างดีจริงๆ
และอีกเพียงอึดใจ ทีมผ่าตัดก็บอกว่า “เรียบร้อย ปิดหน้าท้องได้”
“อาจารย์ เราจะไม่เอาท่อช่วยหายใจออกนะคะ เค้าคงยังหายใจเองไม่ไหว ได้สารน้ำไปเยอะมาก คืนนี้ให้เครื่องช่วยหายใจพยุงไว้น่าจะปลอดภัยกว่า” ทีมดมยาว่ามาอย่างนั้น
“ครับ เอาที่ปลอดภัยครับ” ทีมผ่าตัดตอบสนองไป
เที่ยงคืนเศษๆของคืนนั้น ถ้าใครยังไม่หลับก็คงเห็นเรา ๓ คน เดินออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมๆกัน
๒ คนที่เป็นคนผ่าเองอาจจะดูเหนื่อยหน่อย ส่วนผมเอง เค้าให้เป็นผู้อำนวยการสร้าง เลยดูสดใสกว่าใครเพื่อน
“เราเป็นทีมที่วิเศษจริงๆ” ผมบอกน้องอีก ๒ คนที่เดินมาด้วยกัน
………………
“นี่เธอ” ผมหยุดยิ้มมุมปาก ทำสีหน้าให้ดูเป็นทางการ มองตาหญิงตั้งครรภ์คนสวยที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เธอเอามันเข้าไปทางไหน ก็ให้ออกมาทางนั้น ธรรมชาติสร้างจิ๋มให้เย้ายวน มันมีมาเพื่อให้เอาอสุจิใส่เข้าไปแล้วทำให้เธอท้อง เวลาจะออก ก็ต้องออกทางที่มันเข้าไปนั่นแหละ รู้ไหม” ผมดูขึงขัง
แต่คนนั่งตรงหน้ากลับก้มหน้าพองาม หน้าแดงระเรื่อ
“หมอคะ แล้วอย่างนี้ หนูไม่ต้องอึเอาลูกออกมาเหรอคะหมอ ของหนูน่ะ ส่วนมากเข้าทางปากค่ะ”
“ฮ่ายยยยยย อีบร้าาาาาา”
ธนพันธ์ ชูบุญออกมาทางช่องคลอดแม่นะจ๊ะ
๕ สค ๖๑